ผลิตภัณฑ์บำรุงในท้องตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อ ตัวไหนจำเป็น ตัวไหนไม่จำเป็น บางทีซื้อมาตามที่เค้ารีวิวกันมาว่าดี แล้วรู้หรือไม่ว่าต้องบำรุงอะไรก่อน-หลัง จริงๆ ลำดับขั้นตอนนั้นสำคัญ การทาผลิตภัณฑ์ตามขั้นตอนที่ถูกต้องทำให้ผิวของเราได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างเต็มประสิทธิภาพจากผลิตภัณฑ์ที่ทา
ลำดับขั้นตอนการบำรุง แบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลา คือเพื่อการบำรุงสำหรับกลางวันและกลางคืน
กลางวัน
ช่วงกลางวันเป็นช่วงที่ต้องเจอกับมลภาวะ รังสียูวี หรือการเติมสารเคมีจากการแต่งหน้า
ขั้นตอนบำรุงผิวสำหรับกลางวันจึงแตกต่างจากการบำรุงตอนกลางคืน
ลำดับการบำรุงผิวสำหรับช่วงกลางวัน
1. Cleanser
2. Toner
3. Serum / Essense / Ampoule
4. Moisturizer
5. Eye cream / Eye gel
6. Facial night cream
7. Sun protection
สำหรับสาวๆ หลังจากบำรุงตามขั้นตอนข้างบนครบแล้ว ก็เริ่มแต่งหน้ากันได้เลย !
กลางคืน
ในช่วงกลางคืนจะเป็นช่วงพักให้ผิวหน้าซ่อมแซมตัวเองหลังจากที่เจอกับมลภาวะ สารเคมี เครื่องสำอาง มาทั้งวัน ดังนั้นจึงเป็นช่วงเหมาะสมสำหรับการบำรุงที่สุด
ลำดับการบำรุงผิวบำรุงผิวสำหรับกลางคืน
1. Make up remover
2. Cleanser & Exfoliate
3. Toner
4. Serum / Essense / Ampoule
5. Moisturizer
6. Eye cream / Eye serum
7. Facial night cream
Make up remover
หากคุณเป็นคนแต่งหน้า หรือทาครีมกันแดดประเภทชะล้างออกยากมาก่อน ขั้นตอนแรกควรเริ่มต้นด้วยการเช็ดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าให้หมดก่อน โดนหยดบนสำลีก่อนแล้วค่อยๆ เช็ดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า
อย่าลืมดูก่อนนะว่า make up remover ที่เราซื้อมาใช้ได้กับส่วนไหนบนใบหน้าได้บ้าง เช่น ควรเลือกใช้ Make up remover ที่ระบุว่าใช้กับตาได้ สำหรับใช้ลบ eye-liner และ Mascara
Cleanser & Exfoliant
Cleanser จะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกไปจากผิวหน้า เช่น ฝุ่น เครื่องสำอางที่อาจตกค้างจากการเช็ด ด้วย Make up remover ในขั้นตอนก่อนหน้า รวมถึงล้างคราบมันๆ เพื่อไม่ให้รูขุมขนอุดตัน
สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งหน้า ให้เริ่มข้อนี้ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปเช็ดเครื่องสำอางด้วย Make up remover ก่อน
แต่สำหรับคนที่ยังนึก cleanser ไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่ ?
สิ่งนี้คือ โฟมล้างหน้า นั่นเอง บางยี่ห้อจะมีสครับ (scrub) อยู่ในโฟมล้างหน้าเลย ซึ่งสครับ ก็คือ exfoliant หรือตัวช่วยขัดผิว หรือว่าหากเราจะซื้อผลัตภัณฑ์ขัดผิว มาแยกต่างหากจากสูตรผสมในโฟมล้างหน้า เพื่อความมีประสิทธิภาพในการขัดมากขึ้นก็แล้วแต่ความสะดวก อันที่จริงไม่จำเป็นต้องขัดผิวทุกวันก็ได้ อาจทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอ
ข้อดีของ exfoliant คือ มันจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายออกแล้วกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบนหน้า และในการขัดนี้เองยังช่วยกำจัดพวกสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับผิวหน้าของเราออกไปด้วย
สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ไม่แนะนำให้ขัดบ่อยๆ เพราะเป็นการกระตุ้นการระคายเคืองให้มากขึ้น
Toner
หลังจากล้างหน้าด้วย cleanser และเช็ดหน้าให้แห้งแล้ว เป็นขั้นตอนการใช้โทนเนอร์ (toner)
ลักษณะของโทนเนอร์จะเป็นของเหลวใสเกือบเหมือนน้ำ
วิธีใช้ ให้หยดโทนเนอร์ลงบนสำลี แล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าโดยเช็ดทวนรูขุมขน
ข้อดีของโทนเนอร์คือ
ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่อาจยังอุดตันในรูขุมขนให้หมดจด
ช่วยกระชับรูขุมขน
ให้ความชุ่มชื้น
ช่วยบำรุงผิว เนื่องจากปัจจุบันมีโทนเนอร์ที่ผสมสารช่วยบำรุงผิวเข้าไปด้วย
สามารถช่วยปรับสภาพผิว เป็นการเตรียมหน้าก่อนลงตัวบำรุงต่างๆ
รู้หรือยังว่าทำไมถึงต้องเช็ดทวนรูขุมขน ?
คำตอบคือ เพื่อเป็นการเปิดทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึกและทั่วถึงนั่นเอง
Serum / Essence / Ampoule
เพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึกในด้านความชุ่มชื้น ขาวใส ลดเลือนริ้วรอย ซึ่งขึ้นอยู่กับสูตรอีกทีว่าเน้นด้านไหน
ไม่ค่อยมีความแตกต่างระหว่างเซรั่ม เอสเซ้นซ์ และแอมพูล เรียงลำดับตามความเข้มข้นแล้ว แอมพูล จะเข้มข้นที่สูงสุด ใช้ในการบำรุงที่ผิวหน้าไม่ไหวแล้ว ต้องการบำรุงแบบด่วนจี๋ ราคาแอมพูลเล็กๆ 1 แอมพูลเล็กจึงสูงกว่าเซรั่มและเอสเซ้นซ์เมื่อเปรียบเทียบในปริมาณที่เท่ากัน
ลองเปรียบเทียบคำว่า เซรั่มกับเอสเซ้นซ์ จริงๆ 2 ตัวนี้แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย
หากอยากลองเทียบกันลึกๆ แล้ว เนื้อของเอสเซ้นส์จะเหลวกว่า สัดส่วนของน้ำมากกว่า จึงให้ความรู้สึกบางเบากว่า แนะนำสำหรับคนที่มีผิวมัน ส่วนเซรั่มจะสัดส่วนของน้ำมันจะมากกว่า เซรั่มจึงเหมาะกับคนผิวแห้งมากกว่า
จริงๆ แล้วทั้งสองตัวก็จัดอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ขึ้นชื่อเรื่องความบางเบาอยู่แล้ว สามารถเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้
Mask sheet
มาสก์แผ่นแปะ คือ แผ่นคล้ายๆ กระดาษหรือผ้าบางๆ ที่ชุ่มไปด้วยเซรั่มหรือเอสเซ้นซ์บำรุงผิวหน้าสูตรเข้มข้น
หลักๆ คือเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ความสดชื่น กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ลดรอยสิว (อันนี้ขึ้นอยู่กับสูตร) ให้กับผิวหน้า โปะไว้ประมาณ 10-20 นาที ไม่จำเป็นต้องล้างหลังจากที่มาสก์เสร็จแล้ว ให้เริ่มขั้นตอนถัดไปได้เลย ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
ถือว่าการบำรุงด้วยมาสก์เป็นการบำรุงแบบเร่งด่วนด้วยความเข้มข้นที่สูงมากๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในผู้ใช้บางราย อาจลองล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหลังจากมาสก์เสร็จเพื่อลดการระคายเคืองก่อนเริ่มต้นขั้นตอนถัดไป อาจลองเปลี่ยนยี่ห้อ หรือข้ามขั้นตอนนี้ไปหากเป็นคนผิวแพ้ง่ายหรือมีอาการแพ้รุนแรง
Eye cream/ Eye serum
อีกหนึ่งตัวที่ขาดไม่ได้และสำคัญมากๆ นั่นคืออายครีมหรืออายเซรั่ม
ยิ่งคนอายุ 30+ คนที่ต้องแต่งหน้าจัดทุกวัน คนที่อดนอนบ่อยๆ เราจะเริ่มเห็นรอยตีนกา ริ้วรอยใต้ตา ความหมองคล้ำใต้ตา มาข้องเกี่ยว มากวนใจในชีวิตมากขึ้น
ปัญหานี้เริ่มสำคัญเมื่อสิ่งเหล่านั้นมาเคาะประตูถามหา
ผิวรอบดวงตาเป็นส่วนที่มีความบอบบางกว่าส่วนอื่นบนใบหน้า จึงต้องแยกผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับส่วนอื่นบนผิวหน้าและดวงตาออกจากกัน
ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา เช่น เพื่อลดความหมองคล้ำใต้ตาให้จางลง ลดความหย่อนคล้อยใต้ตา กระชับผิวรอบดวงตา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาใหญ่หากเราไม่เริ่มบำรุงแต่เนิ่นๆ
หลายยี่ห้อมีสูตรที่มีส่วนผสมสารกันแดด สูตรดังกล่าวแนะนำให้ใช้ในตอนกลางวัน สังเกตบนตัวผลิตภัณฑ์จะบอก SPF สำหรับกลางคืนนั้นไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมสารกันแดด
Moisturizer
การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ต้องบอกว่าผิวทุกประเภทต้องการความชุ่มชื้น ไม่ใช่เฉพาะคนที่ผิวแห้ง แต่รวมถึงคนทุกสภาพผิว เพราะความชุ่มชื้นที่กล่าวถึง คือความชุ่มชื้นใต้ผิวหนังที่ขาดหายไป สามารถเกิดได้ทุกสภาพผิว
มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์หลายประเภท ทั้งแบบเคลือบผิวเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำใต้ผิว และแบบเพิ่มน้ำให้ชั้นผิว สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับประเภทผิวของตัวเองได้
Facial cream
ครีมบำรุงผิวหน้า ควรมีการแยกของเดย์ครีมและไนท์ครีมออกจากกัน เนื่องจากสูตรส่วนผสมที่แตกต่างกัน
ส่วนใหญ่แล้วไนท์ครีม จะมีเนื้อหนักหน้ากว่าเดย์ครีมเนื่องจากสารมีความเข้มข้นสูงกว่า และส่วนประกอบของไนท์ครีมบางตัวอาจมีความไวต่อแสง จึงทำให้ไม่สามารถผสมในเดย์ครีมได้
ในส่วนประกอบของเดย์ครีมจะเน้นผสมสารกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี ความเข้มข้นของสารสำคัญอาจไม่เท่ากับไนท์ครีม ทำให้เนื้อครีมของเดย์ครีมจะบางเบากว่าไนท์ครีม
Sun Protection
แม้ว่าคุณจะเดินออกไปนอกบ้านเพียงไม่กี่นาที ก็ควรทาครีมกันแดด เพราะตอนนี้มันถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดที่สามารถปกป้องผิวของคุณจากรังสียูวี
รังสียูวีเป็นสาเหตุหลักทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนัง ซึ่งรังสี UV A เป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยและหมองคล้ำ ส่วนรังสี UV B เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดผิวไหม้
ค่า SPF ในครีมกันแดดบอกความสามารถในการปกป้องรังสี UV B โดยมีตัวเลขท้ายบอกระยะเวลาที่ผิวหนังสามารถโดนแดดได้นานแค่ไหนโดยที่ผิวไม่ไหม้
ส่วนค่า PA บอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV A ยิ่งติดบวกมาก ก็ยิ่งป้องกันได้สูง
ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี SPF มากกว่าหรือเท่ากับ 30 และ PA +++ เพื่อจะปกป้องได้ทั้ง UV A และ UV B อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลิตภัณฑ์กันแดดมีทั้งรูปแบบ ครีม โลชั่น เจล และสเปรย์
ควรทากันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-20 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หากต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ
หากเหงื่อออกหรือลงเล่นน้ำ อาจทำให้กันแดดถูกชะล้างออกไปด้วย ดังนั้นจึงควรรีบทาซ้ำทันทีโดยไม่ต้องรอถึง 2 ชั่วโมง