“Transfat ไขมันทรานส์ที่ไม่ควรทาน” คงเคยได้ยินคำว่า “ไขมันทรานส์” กันมาบ้างแล้ว เพราะถือเป็นข่าวใหญ่ ตั้งแต่ อย.ได้ประกาศห้ามไม่ให้มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบในการผลิตอาหาร เนื่องจากไขมันทรานส์เป็นอันตรายต่อสุขภาพถึงขั้นเสียชีวิตได้
รู้จักกับไขมันทรานส์
ไขมันทรานส์ (Transfat) เกิดจากกระบวนการเอาน้ำมันที่มีกรดไม่อิ่มตัว ซึ่งก็คือน้ำมันพืช ผ่านการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially hydrogenated oil) เพื่อให้มีคุณสมบัติคล้ายไขมันสัตว์ ผลทำให้เก็บได้นานขึ้นโดยไม่เหม็นหืน และยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ไขมันสัตว์จากธรรมชาติโดยตรงซึ่งมีราคาแพงกว่า
มักพบในผลิตภัณฑ์ประเภทเบเกอรี่และของทอด
โดนัท พัฟฟ์ พาย เพสทรี เวเฟอร์ คุ้กกี้ เนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม วิปครีม มาการีน มีโอกาสพบไขมันทรานส์ในปริมาณสูง
จากประกาศกระทรวงสาธารณสุข ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันหรืออาหารที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยส่วนใหญ่ได้ปรับปรุงสูตรการผลิต และปรับกระบวนการการผลิตเป็นที่เรียบร้อย
ทำไมต้องคอยหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์
โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปี
เมื่อเรากินไขมันทรานส์เข้าไป มันจะไปเพิ่มค่าไขมันเลว (Low density lipoprotein; LDL) และลดระดับไขมันดี (High density lipoprotein; HDL) ในร่างกายทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือด และเสียชีวิตในที่สุด
ไขมันทรานส์ VS ไขมันอิ่มตัว
เอาจริงๆ เมื่อตัดส่วนผสมที่มีเจ้าไขมันทรานส์ออกไปในสูตร ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีไขมันเลยหรือใช่ว่าร่างกายเราจะได้รับไขมันต่ำลง
ยังมีไขมันอิ่มตัว ตัวร้ายอยู่อีกหนึ่งตัวที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
แต่อย่างน้อยไขมันอิ่มตัวก็ไม่ได้ไปลดไขมันดีแบบที่ไขมันทรานส์ทำ เพราะไขมันอิ่มตัวมันดันไปเพิ่มทั้งไขมันดีและไขมันไม่ดีด้วยหากกินมากๆ
น้ำมันทอดซ้ำหลายครั้ง มีไขมันทรานส์สูงจริงหรือไม่ ?
หลายคนคิดว่าไขมันทรานส์นั้นเกิดจากน้ำมันทอดซ้ำ ซึ่งไม่จริง อาจเกิดขึ้นได้บ้างแต่มีปริมาณที่น้อยมาก น้อยกว่าการตั้งใจเติมไฮโดรเจนบางส่วนเสียอีก
แต่ถึงยังไงเราก็ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันทอดซ้ำหลายๆ ครั้งเพราะถึงแม้มันไม่ได้ทำให้เกิดไขมันทรานส์ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่มันกลับไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งแทน
ยังไงก็หนีไม่พ้นเจ้าไขมันทรานส์
ถึงอย่างไรเราจะยังเจอไขมันทรานส์ได้จากธรรมชาติ เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ ไขมันในนม แต่เนื่องจากมันเป็นปริมาณที่ได้จากธรรมชาติซึ่งถือว่าปลอดภัย ปริมาณไขมันทรานส์ไม่ได้สูงเหมือนกับไขมันที่เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนที่ทำในอุตสาหกรรม
องค์การเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization หรือ FAO) แนะนำว่า
ไม่ควรกินไขมันทรานส์ เกิน 2 กรัมต่อวัน
ไม่ควรกินไขมันอิ่มตัวเกิน 20 กรัมต่อวัน
ควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการกินร่วมกันเพราะไขมันทั้งสองชนิดนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
สรุปว่า ร่างกายรับได้..แต่อย่าเยอะ