เคล็ดลับดูแลผิวให้อ่อนกว่าวัย
เมื่ออายุมากขึ้น เราจะสังเกตอย่างชัดเจนว่าผิวมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งรูขุมขนที่กว้างขึ้น ริ้วรอยและถุงใต้ตาหย่อนคล้อย บอกเลยว่ายากที่จะกู้คืนผิวที่ขาดการดูแล แต่ แต่ แต่…อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง หลากหลายวิธีที่เป็นตัวช่วยชะลอมันได้ อยู่ที่ว่าคุณพร้อมที่จะทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้กันหรือยัง
เคล็ดลับที่หนึ่ง : ป้องกัน
1. ทาครีมกันแดด
กว่า 90% ปัญหาผิวแก่ก่อนวัยมีสาเหตุมาจากรังสี UV ยังไม่สายเกินไปที่เราสามารถป้องกันมันตั้งแต่วันนี้
เคล็ดลับในการเลือกซื้อครีมกันแดดที่ดีคือ เลือกครีมกันแดดที่คลอบคลุมมันไปเลย ทั้ง UVA และ UVB ยิ่งอย่างแสงแดดในประเทศไทยที่ร้อนแสนจะร้อน เลือกที่ SPF50+ เลยดีกว่า แถมถ้ายิ่งคนขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย เวลาเหงื่อออกอาจจะไปชะเอาสารกันแดดออกจากผิว ดังนั้น เราควรเลือกสูตรกันน้ำด้วยก็ดีนะ โดยสังเกตข้างผลิตภัณฑ์จะเขียนเอาไว้ว่า “water-resistant” และอย่าลืมทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมงล่ะเพราะทาครั้งเดียวใช่ว่าจะอยู่บนผิวได้ตลอด 24 ชั่งโมง
2. สวมหมวก
ช่วงนี้เทรนด์ใส่หมวกก็มาแรงเหมือนกัน ใส่ไม่ต้องอายใครชิคๆ คูลๆ ไปเลย แม้ว่าจุดประสงค์หลักเราคือ “กันแดด” แต่ก็ได้งานแฟชั่นก็มาด้วยนะเออ แนะนำว่าควรเป็นหมวกมีปีก มีรูแน่น เพราะถ้ารูใหญ่เกินไป ยังไงแสงมันก็เล็ดลอดมาได้อยู่ดี และอย่าลืมดูด้วยล่ะว่าเงาของปีกหมวกมันสามารถปกคลุมใบหน้าคุณได้หมด
3. แว่นกันแดด
เลือกแว่นที่กันรังสี uv ได้ 100% ควรเลือกรูปทรงของแว่นให้ใหญ่ที่จะปกปิดผิวรอบดวงตาได้อย่างครอบคลุม เพราะรอบดวงตาจะเป็นผิวที่มีความบอบบางมากกว่าบริเวณอื่นของใบหน้า
ตัวเลือกนี้ช่างเหมาะกับคนที่ลืมทาครีมกันแดด หรือทาครีมกันแดดที่ต้องรอนาน 15 – 20 นาทีกว่าจะ activate แต่คุณต้องรีบออกจากบ้านทันที เพราะอย่างน้อยคุณก็หยิบหมวกติดไม้ติดมือไปบังแดดด้วย ยังดีกว่าไม่มีอะไรมาช่วยป้องกันเลย
นอกจากจะกันแดดแล้ว แว่นกันแดดยังช่วยถนอม ปกป้องดวงตาจากแสงแดดอีกด้วย
4. ออกกำลังกาย
ออกกำลังกายกายทุกวัน หรือหกวันต่อสัปดาห์กำลังดี และไม่ควรต่ำกว่า 20 นาที การออกกำลังกายทำให้การหมุนเวียนเลือดทั้งร่างกายทำงานได้ดีซึ่งจะเป็นผลดีที่ช่วยให้สารอาหารและแร่ธาตุถูกหมุนเวียนไปตามกระแสเลือดได้ดี และนอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดของคุณมีสุขภาพที่ดี เลือดเก่าถูกกำจัดไป เลือดใหม่ที่มีออกซิเจนและสารอาหารก็เข้ามาเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ได้ดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ตามมาคือสุขภาพที่แข็งแรงและผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง
5. เลิกบุหรี่ / หลีกเลี่ยงควันบุหรี่
สำหรับคนที่สูบบุหรี่อยู่ ขอให้คุณพยายามเลิกซะ เพราะการสูบบุหรี่เป็นตัวเร่งทำให้คุณดูแก่กว่าไว ถ้าคุณยังตระหนักถึงผลลัพธ์แย่ๆ จากการสูบบุหรี่ที่มีผลต่อร้ายทั้งสุขภาพคุณและคนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากบุหรี่มือสอง มือสามแล้ว จงรีบไปปรึกษาหมอแล้วหาทางหยุดมันซะ
6. เลเซอร์ / โบทอกซ์
การทำโบทอกซ์หรือเลเซอร์ เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยกู้คืนสภาพผิวหน้าได้ คุณอาจจะเริ่มทดลองจากการฉีดโบทอกซ์บนรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ เพื่อป้องกันไม่ให้รอยเหี่ยวย่นนั้นลึกไปมากกว่านี้ หรือการเลเซอร์หน้าอาจใช้ชนิดของเลเซอร์ที่มีความแรงต่ำ เช่น IPL
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่เราพยายามดูแลรักษา เพื่อคงสภาพสิ่งที่เรารักให้อยู่กับเราไปนานๆ นั่นคือกุญแจที่สำคัญที่จะทำให้ผิวมีสุขภาพที่แข็งแรงและดูอ่อนกว่าวัย
เคล็ดลับที่สอง : บำรุง
1. มอยซ์เจอไรเซอร์ (Moisturizer)
เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเสื่อมของร่างกายตามอายุที่เพิ่มขึ้น สังเกตสภาพผิวของคนที่มีอายุจะแห้งมากกว่าผิวพรรณของเด็ก วัยรุ่นหนุ่มสาว ในการบำรุงจึงควรเน้นไปที่ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและอุ้มน้ำไว้ใต้ผิวให้ได้มากที่สุด เพราะผิวที่แห้งนั้นเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอย
2. ผลัดเซลล์ผิว (Exfoliate)
ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น ซาลิไซลิกแอซิดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเป็นการกระตุ้นให้ผลิตเซลล์ผิวใหม่ แต่ระวังว่าการผลัดเซลล์ผิวที่บ่อยเกินไป หรือรุนแรงเกินไปจะเป็นการทำร้ายผิวแทน เพราะมันจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการที่ผิวหนังเกิดบาดแผล
3. ผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอย (Anti-aging)
มีหลายคนที่หวังผลทันทีว่าให้ผิวต้องตึงขึ้นภายในไม่กี่วัน ภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือนก็บ่นกันแล้วว่าผลิตภัณฑ์ไม่ได้ผล
“หวังผลทันที” ไม่ใช่คำตอบสำหรับผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอยแน่นอน เพราะผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ต้องอาศัยวินัยและความอดทน ผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอยไม่ได้เหมือนกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์และตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เราจะเห็นผลลัพธ์มันได้ทันทีหลังใช้
ทาแล้วแล้วทำไมไม่เห็นผล ?
ต้องถามกลับว่า
(1) คุณมีวินัย มีความอดทนพอไหมในการใช้อย่างต่อเนื่องหลาย ๆ เดือน?
(2) คุณมีกำลังทรัพย์พอไหมที่จะลงทุนเลือกใช้ครีมดีๆ แบรนด์นึง?
หากคุณไม่สามารถทำได้ คุณจะไม่มีสิทธิ์มาบ่นว่าครีมนั้นดี หรือไม่ดี
จากสถิติแล้วผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอยต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 6 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผล
เคล็ดลับที่สาม : พฤติกรรม
เป็นเคล็ดลับที่ค่อนข้างคลาสสิก ใครต่อใครก็ทราบกันอยู่ แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้ผลแล้วใครจะแนะนำต่อๆ ซ้ำๆ กันละ จริงไหม แถมข้อปฏิบัติต่อไปนี้ยังมีผลงานวิจัยรองรับกันอย่างหนาแน่น เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเคล็ดลับที่น่าเบื่อ แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ทรงพลังที่สุดเลยทีเดียว
1. ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว
การดื่มน้ำ ทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ มีผลต่อผิวคือทำให้สภาพผิวยืดหยุ่น แข็งแรง ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
ลองสังเกตเวลาคุณขาดน้ำสิ ผิวของคุณจะแห้ง ลอกเป็นขุยซึ่งผิวที่แห้งนี้มักพบได้กับคนที่มีอายุมากขึ้น และความแห้งของผิวยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดริ้วรอย
2. บริโภคอาหารที่ดี
พยายามลดอาหารขยะ ของทอดน้ำมันเยิ้ม ขนมจุบจิบระหว่างวัน และน้ำอัดลม แล้วหันมารับประทานปลา ธัญพืช ผักและผลไม้ให้มากขึ้นแทน
โดยเฉพาะผักและผลไม้ นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว มันเป็นแหล่งอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศที่ช่วยให้คุณห่างไกลจากคำว่า “แก่” อีกด้วย
3. อาหารเสริม
ให้มองหาอาหารเสริมชนิดต้านอนุมูลอิสระ เช่น Coenzyme Q10, วิตามิน C, วิตามิน E, Grape seeds, Resveratrol, alpha lipoic acid, Lycopene, น้ำมันปลา, Selenium etc.
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
เวลานอนเป็นเวลาแห่งการซ่อมแซมและเสริมสร้างเซลล์ในร่างกายให้พร้อมรับวันใหม่
หากพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายยังไม่ทันซ่อมแซมได้เต็มที่ สังเกตได้จากคืนไหนที่เรานอนไม่เต็มอิ่ม ทั้งวันจะพบแต่ความอิดโรย อ่อนเพลีย ตาโหล ผิงหมองคล้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณของความแก่ชรา เช่น ริ้วรอยร่องลึกที่เพิ่มขึ้น ความยืดหยุ่นของผิวที่ลดลง
และถ้าหากเกิดผิวไหม้จากแสงแดด ผิวจะฟื้นตัวจากแสงแดดเผาได้ช้า
วัยอายุ 15-17 ปี ควรได้รับการพักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
วัยอายุ 18-64 ปี ควรได้รับการพักผ่อนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน
วัยอายุ 64 ปีขึ้นไป ควรได้รับการพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน