“ดูผิวสินวลลอออ่อน
มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น
สองเนตรงามกว่ามฤคิน
นางนี้เป็นปิ่นโลกา
งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน
งามกรดังลายเรขา
งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า
งามยิ่งบุบผาเบ่งบาน”
อันขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงย่อมต้องคู่กับความงามมาแต่โบราณกาล สังเกตได้จากวรรณคดีหลายๆ เรื่องได้มีการเอ่ยชมถึงความงามของหญิงสาว ดังเช่นบทชมนางศกุนตลาที่ขอหยิบยกมาเป็นฉากเปิดตัวให้กับบทความนี้
นักกวีได้แสดงให้เห็นว่าผิวของนางศกุนตลานั้นขาว นวลเนียนละเอียด ถึงขั้นเมื่อเปรียบผิวของนางศกุนตลากับมะลิซ้อนแล้ว ทำให้มะลินั้นดูดำไปเลย แสดงว่าสมัยก่อนนั้นมีความนิยมในผิวพรรณที่ไม่แตกต่างจากปัจจุบัน
“ผู้หญิงทุกคนอยากสวย”ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย
แน่นอนว่าหญิงไทยในสมัยอยุธยานั้น ถึงแม้จะมีศึกสงครามบ่อยครั้ง แต่คราใดที่ว่างเว้นจากศึก สาวๆ ก็ไม่ละเลยจากการดูแลสุขภาพความงาม มีการบำรุงผิวมิได้ยิ่งหย่อนจากหญิงไทยในสมัยนี้แต่อย่างใด
แตกต่างก็เพียงสมัยก่อนนั้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้บำรุงผิว เครื่องแป้ง หรือเครื่องประทินผิว ที่ได้มาจากธรรมชาติล้วนๆ ส่วนใหญ่คือสมุนไพรไทยพื้นบ้าน สามารถหาได้ง่าย ปลูกเองก็ได้
ด้วยความเป็นธรรมชาติจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่เป็นมิตรกับผิว ส่วนประสิทธิภาพคงไม่ต้องพูดถึงเพราะใช้กันมานมนาน บอกกันปากต่อปาก รุ่นต่อรุ่น มาหลายยุคหลายสมัย หลังๆ ได้มีการศึกษาวิจัยและมีหลักฐานยอมรับในสรรพคุณของสมุนไพรไทยมากขึ้น
น่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม งั้นเรามารู้จักผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในแบบฉบับออเจ้ากันเลย
แถมตอนท้ายเรายังมีสูตรพอกผิวแบบไทยๆ มาแนะนำให้แม่หญิงไปลองบำรุงกันเองที่เรือนด้วย
ขมิ้น
เหง้าขมิ้น มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและแบคทีเรียได้ ดังนั้นขมิ้นจึงช่วยการเกิดสิวและผื่นคัน ช่วยต้านการอักเสบของสิว ลดการเกิดรอยแผลจากสิว และยังทำให้แผลที่เกิดจากสิวสมานได้ไว ขมิ้นยังทำให้ผิวพรรณค่อยๆ กระจ่างใส ดูเปล่งปลั่งขึ้นมา
ไพล
เหง้าไพล มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับขมิ้นด้านต้านเชื้อราและแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ช่วยสมานแผล ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำจากสิว ต้านการระคายเคือง มักนำมาบดผสมกับขมิ้นเพื่อเสริมฤทธิ์กัน สำหรับเหง้าไพลบด เมื่อนำมาทาตัวยังสามารถกันยุงได้ด้วย
ขิง
เหง้าขิง เป็นสมุนไพรที่พบว่าใช้มาอย่างนมนานหลายพันปีโดยมีจุดเริ่มต้นจากชาวจีนและอินเดีย จนเป็นที่แพร่หลาย ด้วยสรรพคุณทั้งบำรุงสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ
สรรพคุณด้านความงามของขิง สามารถยับยั้งแบคทีเรีย ทำให้ยับยั้งการอักเสบของสิวและรอยดำจากสิวได้ คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเกิดริ้วรอยได้
ขิงโขลกสามารถนำมาขัดผิวได้ด้วย โดยอาจนำมาผสมกับส่วนประกอบอื่นให้ขิงทำหน้าที่เป็นสครับก็ได้
ความแตกต่างระหว่าง ขมิ้น ขิง ไพล
ขนาด : ขิง=ไพล > ขมิ้น
ความเข้มของสีส้ม : ขมิ้น > ไพล > ขิง
มะขามเปียก
ด้วยฤทธิ์ที่เป็นกรด AHA จึงทำให้มะขามเปียกช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ นอกจากนี้มะขามเปียกยังอุดมด้วยวิตามินหลายชนิด เช่น เอ บี ซี สำหรับวิตามินซีนั้นเป็นที่รู้ๆ กันว่า สรรพคุณของวิตามินซี ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วนกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และชะลอความแก่
มะขามเปียกเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในสปา และผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ เช่น สบู่ ครีมขัดผิว มาส์ก เป็นต้น
น้ำซาวข้าว
น้ำซาวข้าว คือน้ำที่ได้จากการล้างข้าว ควรเป็นน้ำจากการล้างครั้งที่ 2 หรือ 3 เนื่องจากน้ำล้างในครั้งแรกอาจยังมีเศษฝุ่นผงปะปนมา
ประโยชน์ในการบำรุงผิวของน้ำซาวข้าวเป็นที่รู้จักแพร่หลายในแถบเอเซียตั้งแต่โบราณกาลทั้งในจีน ญี่ปุ่น รวมถึงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างประเทศไทย
น้ำซาวข้าวอุดมด้วยอาหารผิว เช่นวิตามิน แร่ธาตุและกรดอะมิโน มี Furulic acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ และ Allantoin ช่วยต้านการอักเสบ ทำให้ลดการเกิดสิวได้ ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำซาวข้าว คือ ใบหน้าที่เปล่งปลั่ง เรียบเนียนนุ่ม
ดินสอพอง
ดินสอพอง มาจากดินชนิดหนึ่งมีสีขาว เรียกว่า ดินมาร์ล
สรรพคุณลดการเกิดผื่นคัน ลดการอักเสบของสิว และช่วยลดสิวในคนผิวหน้ามันด้วย เนื่องจากมันสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้ นอกจากนั้นเมื่อทาแล้วยังทำให้หน้าดูกระจ่างใสด้วย
สมัยก่อนนิยมนำดินสอพองมาทำเป็นแป้งโดยผสมกับเครื่องหอม นำมาทาหน้า ทาตัว ให้ความรู้สึกเย็นสบาย หรือนำมาขัดผิวโดยผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำมะขามเปียก น้ำผึ้ง ขมิ้นและไพล เป็นต้น
มั่นใจได้อย่างไรว่าดินสอพองที่เราซื้อมานั้นสะอาดดีพอแล้วหรือยัง ?
ไม่ใช่ว่าเราจะหาซื้อดินสอพองตามตลาดมาใช้ได้เลย เนื่องจากอาจมีเชื้อโรคอยู่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว หรือเกิดผื่นแพ้ก็ได้
มารู้จักกับ “ดินสอพองสะตุ”
การสะตุ หมายถึง วิธีทำให้ดินสอพองสะอาด ปราศจากเชื้อโดยความร้อน สมัยก่อนจะใส่ในหม้อดินปิดฝาแล้วนำไปตั้งไฟจนร้อน
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งอุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามิน และกรดอะมิโนที่ดีต่อผิว ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แก่ไว มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย รา และไวรัส ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และในน้ำผึ้งมี gluconic acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย
น้ำมันมะพร้าว
ในสมัยก่อน นอกจากน้ำมันมะพร้าวจะเป็นตัวยอดฮิตช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่ม เงางามแล้ว ยังนำมาทาผิวได้ด้วย สำหรับคนที่ผิวแห้งมากๆ น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี
น้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลเล็ก สามารถซึมเข้าผิวได้ดี ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนนุ่ม และยังเหมาะในการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน โดยสามารถนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้แทน make up remover ในการลบเครื่องสำอางได้
แนะนำสูตรพอกผิวอย่างไทย
อ้างอิงจากกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก
ส่วนผสม
1. ผงไพล 2 ช้อนโต๊ะ
2. ผงขมิ้น 1 ช้อนโต๊ะ
3. ดินสอพองสะตุ 5 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำผึ้งและนม (เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวแห้ง) หรือ น้ำมะขามเปียก (เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวมัน)
วิธีทำ
ผสม 1-3 ให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเติม 4 ลงไปผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว อย่าให้เหลวจนเกินไป
วิธีใช้
ทาพอกตามผิวกายหรือผิวหน้าด้วยการลูบไล้เบา ๆ ไม่ต้องขัด พอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
ข้อควรระวัง
ไม่ควรใช้ผู้ที่แพ้ส่วนผสมดังกล่าว
ระมัดระวังอย่าให้เข้าตา